เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยละกันนะ ไม่ต้องอารัมภบทให้ยืดยาว เบื่อ! เข้าใจว่ามนุษย์ยุคนี้อะไรๆ ก็อยากได้เร็วๆ ง่ายๆ สบายๆ โดยเฉพาะเรื่องคอนเทนต์วิดีโอที่ตอนนี้ใครๆ ก็อยากทำ แต่ก็บ่นกันว่ายากบ้าง ยากเกินไปบ้าง ใช้เวลานานบ้าง ล่าสุดนะ เทคโนโลยี LLM (Large Language Models) หรือไอ้พวก AI เก่งๆ ที่คุยกับเราได้เนี่ย มันกำลังจะก้าวเข้ามาเปลี่ยนเกมครั้งใหญ่เลยล่ะ ไม่ได้มาเล่นๆ นะ จะมาช่วยปั้นวิดีโอให้คุณแบบที่ว่าแค่พิมพ์ไอเดียลงไป ไม่กี่คลิกก็ได้ฟุตเทจสวยๆ ออกมาแล้ว มันดีงามจนน่าขนลุกใช่ไหมล่ะ? แต่อย่าเพิ่งดีใจเกินไปนะ เพราะถึง AI จะเก่งแค่ไหน สุดท้ายมันก็ยังต้องพึ่งพา "สมอง" และ "วิสัยทัศน์" ของคุณอยู่ดีนั่นแหละ ไม่งั้นก็ได้แค่วิดีโอหน้าตาซ้ำๆ ไร้จิตวิญญาณออกมา ซึ่งอันนั้นก็...น่าเบื่อพอๆ กับการนั่งรอให้ AI มันคิดเองทั้งหมดนั่นแหละ

เรื่องของเรื่องคือ ตอนนี้มี AI สาย Generative ที่เก่งกาจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จากข้อมูลที่มีอยู่เดิม และหนึ่งในสิ่งที่มันทำได้ดีสุดๆ ก็คือการแปลง "ข้อความ" หรือ "คำสั่ง" ที่เราป้อนเข้าไป ให้กลายเป็น "วิดีโอ" ได้เลย งงไหม? ไม่ต้องงง! ลองนึกภาพว่าคุณอยากได้วิดีโอแมวอ้วนกลิ้งไปมาบนพรมสีแดง คุณก็แค่พิมพ์คำอธิบายเข้าไปใน AI แบบละเอียดๆ หน่อย เช่น "A fluffy, chubby cat rolling playfully on a plush red carpet, soft sunlight streaming in from a window, cinematic shot." แค่นี้ AI ก็จะไปประมวลผล สร้างภาพเคลื่อนไหวที่ตรงตามที่คุณสั่งเป๊ะๆ ออกมาให้ดูแล้ว มันเร็วมาก เร็วจนบางทีเราก็สงสัยว่านี่มันทำงานจริงจัง หรือแค่เล่นกับเราอยู่กันแน่?

เทคโนโลยีเบื้องหลังพวกนี้ มันอาศัยโมเดล AI ที่ซับซ้อนอย่างพวก Diffusion Models หรือ Transformer Models ที่ได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลวิดีโอและภาพนับไม่ถ้วน ทำให้มันเข้าใจ "ความหมาย" ของคำที่เราใช้ และสามารถ "สร้าง" ภาพที่มีความสอดคล้องกัน สร้างการเคลื่อนไหวที่ดูสมจริง (หรือไม่สมจริงเลยก็ได้ ถ้าเราสั่งให้มันเป็นแบบนั้น) ได้ นี่แหละคือเสน่ห์ของมัน ที่ทำให้คนที่ไม่มีทักษะการตัดต่อขั้นเทพ ก็สามารถสร้างวิดีโอคุณภาพดีออกมาได้ง่ายๆ แค่ใช้ "คำพูด" เป็นเครื่องมือหลัก

ในตลาดตอนนี้มีเครื่องมือ AI สร้างวิดีโอที่น่าสนใจอยู่หลายตัวนะ แต่ละตัวก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป ถ้าให้แนะนำแบบไม่เกรงใจใคร ก็ต้องมีพวกนี้:

1. RunwayML: ตัวนี้เขามาแรงมากจริงๆ มีฟีเจอร์เยอะแยะไปหมด ตั้งแต่แปลงข้อความเป็นวิดีโอ, ทำให้ภาพนิ่งเคลื่อนไหว, ลบฉากหลัง หรือแม้กระทั่งสร้างโมเดล 3 มิติจากวิดีโอ เหมาะสำหรับคนที่อยากลองอะไรใหม่ๆ และไม่กลัวที่จะต้องเรียนรู้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ตลอดเวลา

2. Pika Labs: ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่น่าจับตามอง จุดเด่นคือใช้งานง่าย หน้าตาเป็นมิตรกับผู้ใช้ และสามารถสร้างวิดีโอจากข้อความ หรือรูปภาพได้ค่อนข้างดี ให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

3. Synthesys: ถ้าคุณต้องการสร้างวิดีโอที่มีผู้บรรยาย (Avatar) ที่ดูสมจริง ตัวนี้คือคำตอบเลย มันสามารถสร้างวิดีโอโดยใช้ AI Avatar ที่มีให้เลือกหลากหลาย พร้อมเสียงสังเคราะห์ที่ฟังดูเป็นธรรมชาติมากๆ เหมาะสำหรับงานนำเสนอ หรือวิดีโอสอน

4. HeyGen: อีกหนึ่งตัวที่เน้น Avatar เหมือนกัน HeyGen ก็มีจุดเด่นที่ Avatar สมจริง และรองรับภาษาได้หลากหลาย ทำให้การสร้างวิดีโอคอนเทนต์สำหรับตลาดต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายขึ้น

5. Pictory: สำหรับใครที่เน้นการแปลงบทความ หรือบล็อกโพสต์ให้เป็นวิดีโอที่น่าสนใจ Pictory ทำได้ดีมาก มันจะช่วยเลือกภาพประกอบ หรือฟุตเทจที่เข้ากับเนื้อหา พร้อมใส่เสียงบรรยายให้อัตโนมัติ

จริงๆ ยังมีอีกเยอะแยะ แต่แค่นี้ก็น่าจะพอให้คุณไปลองเล่นกันได้แล้วนะ อย่ามัวแต่นั่งดูเฉยๆ ลองกดเข้าไปเล่นดูสิ จะได้รู้ว่า AI มันเก่งจริง หรือแค่โม้ไปวันๆ

นี่คือหัวใจสำคัญเลย ถ้าคุณอยากได้วิดีโอเจ๋งๆ ออกมา สิ่งที่คุณต้องฝึกฝนให้หนักคือ "Prompt Engineering" หรือการเขียนคำสั่งให้ AI เข้าใจและสร้างสรรค์ผลงานตามที่เราต้องการ ยิ่งคุณให้รายละเอียดมากเท่าไหร่ ยิ่งชัดเจน ยิ่งเจาะจงมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งตรงใจมากขึ้นเท่านั้น

หลักการง่ายๆ ก็คือ:

1. ชัดเจนและเจาะจง: อย่าบอกแค่ว่า "แมว" แต่ให้บอกว่า "แมวเปอร์เซียสีขาว ขนฟู ดวงตาสีฟ้า กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาสีครีม" อะไรทำนองนี้

2. ใส่รายละเอียดทางภาพ: ระบุสไตล์ของภาพ (เช่น photorealistic, animated, cartoonish), มุมกล้อง (close-up, wide shot), แสง (soft lighting, dramatic shadows), สี (vibrant colors, muted tones) หรือแม้กระทั่งอารมณ์ของภาพ

3. อธิบายการเคลื่อนไหว: ถ้าต้องการให้มีอะไรเคลื่อนไหว ก็ต้องบอกให้ชัด เช่น "แมวค่อยๆ ลืมตาขึ้น และกระพริบตาช้าๆ", "ใบไม้ปลิวตามลมเบาๆ"

4. ใช้คำที่บ่งบอกคุณภาพ: ลองใส่คำว่า "cinematic", "high quality", "detailed", "masterpiece" เข้าไปบ้าง เผื่อ AI จะทำงานหนักขึ้น (แต่ก็ไม่แน่เสมอไปนะ)

5. ทดลองและปรับปรุง: ไม่มีใครเขียน Prompt ได้เพอร์เฟ็กต์ตั้งแต่ครั้งแรกหรอก ต้องลองผิดลองถูก ปรับแก้คำสั่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่พอใจ จำไว้ว่า AI มันไม่เข้าใจภาษาคนแบบเรา 100% หรอก มันตีความตามข้อมูลที่มันมีเท่านั้น

ถึงแม้ AI จะเก่งแค่ไหน แต่มันก็ยังขาด "จิตวิญญาณ" หรือ "ความเป็นมนุษย์" ไป ถ้าคุณอยากให้วิดีโอของคุณโดดเด่นจริงๆ อย่าพึ่งพา AI อย่างเดียวจนเกินไป ลองนำ AI มาเป็นเครื่องมือช่วยในการสร้างสรรค์ แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้ไปปรับปรุงต่อด้วยทักษะของคุณเอง

ตัวอย่างเช่น:

1. สร้างฟุตเทจหลักด้วย AI แล้วตัดต่อเอง: ใช้ AI สร้างฉาก หรือองค์ประกอบภาพที่ยากๆ หรือใช้เวลานาน จากนั้นนำฟุตเทจเหล่านั้นมาตัดต่อ ใส่เสียง ใส่เพลง ใส่เอฟเฟกต์ เพิ่มเติมด้วยโปรแกรมตัดต่อที่คุณถนัด

2. ใช้ AI สร้างไอเดีย หรือ Storyboard: ถ้าคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร ลองให้ LLM ช่วยระดมสมอง หรือสร้างโครงเรื่อง (Storyboard) เบื้องต้น แล้วนำไอเดียเหล่านั้นไปพัฒนาต่อ

3. ใช้ AI ช่วยสร้างเสียงบรรยาย หรือดนตรีประกอบ: ปัจจุบันมี AI ที่สามารถสร้างเสียงบรรยาย หรือแม้กระทั่งแต่งเพลงได้แล้ว ลองนำมาใช้ประกอบวิดีโอของคุณดู อาจจะได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ

4. ปรับแต่งผลลัพธ์จาก AI: AI อาจจะสร้างภาพที่สวยงาม แต่บางทีก็อาจจะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ถูกใจ ลองใช้โปรแกรมแต่งภาพ หรือตัดต่อวิดีโอ ช่วยปรับสี ปรับแสง หรือแก้ไขส่วนที่ไม่สมบูรณ์

จำไว้ว่า AI เป็นเพียงเครื่องมือ มันจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้งานมันเป็นหรือไม่เป็น ถ้าใช้เป็น มันก็เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวที่ทำงานได้รวดเร็ว แต่ถ้าใช้ไม่เป็น ก็จะได้แค่งานง่อยๆ ออกมา

ถ้าคุณยังนึกไม่ออกว่าจะเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของคุณ ลองดูไอเดียเหล่านี้:

1. โฆษณาสินค้า/บริการ: สร้างวิดีโอโฆษณาที่น่าสนใจ ด้วยภาพสวยๆ และข้อความที่ตรงประเด็น รวดเร็ว ประหยัดงบ และปรับเปลี่ยนได้ง่าย

2. คอนเทนต์โซเชียลมีเดีย: สร้างวิดีโอสั้นๆ ที่ดึงดูดความสนใจ สำหรับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TikTok, Instagram Reels, YouTube Shorts

3. วิดีโออธิบายสินค้า/บริการ (Explainer Videos): อธิบายการทำงาน หรือจุดเด่นของสินค้า/บริการของคุณ ด้วยภาพเคลื่อนไหวที่เข้าใจง่าย

4. วิดีโอการตลาดแบบ Personalization: สร้างวิดีโอที่ปรับเปลี่ยนเนื้อหา หรือข้อความให้เข้ากับลูกค้าแต่ละรายโดยอัตโนมัติ เพิ่มความรู้สึกพิเศษให้กับลูกค้า

5. คอนเทนต์เพื่อการเรียนรู้/ฝึกอบรม: สร้างวิดีโอสอน หรือวิดีโอให้ความรู้ที่น่าสนใจ สำหรับพนักงาน หรือลูกค้า

6. การสร้างสรรค์งานศิลปะ หรือคอนเทนต์บันเทิง: ถ้าคุณเป็นครีเอเตอร์ ก็ลองใช้ AI สร้างสรรค์ผลงานวิดีโอในรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน

พูดง่ายๆ คือ ทุกที่ที่คุณต้องใช้วิดีโอ แต่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา งบประมาณ หรือทักษะ AI เหล่านี้เข้ามาช่วยได้หมดแหละ

ถึงจะดูดีไปหมดทุกอย่าง แต่การใช้ LLM สร้างวิดีโอก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างนะ หลักๆ ก็คือ:

1. ความสม่ำเสมอของผลลัพธ์: บางที AI ก็อาจจะสร้างผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือมีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องมานั่งแก้

2. การควบคุมรายละเอียดขั้นสูง: การควบคุมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ซับซ้อนมากๆ อาจจะยังทำได้ไม่สมบูรณ์นัก

3. ความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริง: แม้ AI จะสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้ แต่มันก็ยังขาด "ความคิดสร้างสรรค์" ที่เป็นธรรมชาติ หรือ "การตีความ" ในแบบของมนุษย์

4. ลิขสิทธิ์และจริยธรรม: ต้องระวังเรื่องลิขสิทธิ์ของข้อมูลที่ใช้ฝึก AI และผลลัพธ์ที่ได้ออกมา รวมถึงการนำไปใช้ในทางที่ผิด

5. ต้นทุน: เครื่องมือ AI บางตัวอาจมีค่าใช้จ่ายสูง หรือต้องสมัครสมาชิก ซึ่งอาจเป็นภาระสำหรับบางคน

1. วิดีโอแบบ Real-time: ในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะได้เห็น AI ที่สามารถสร้างวิดีโอแบบ Real-time จากการสนทนา หรือการกระทำของเราได้เลย

2. AI Avatar ที่สมจริงยิ่งขึ้น: Avatar ที่สร้างจาก AI จะดูสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ จนแยกไม่ออกกับคนจริงๆ

3. การสร้างวิดีโอแบบโต้ตอบได้ (Interactive Videos): AI อาจช่วยสร้างวิดีโอที่ผู้ชมสามารถโต้ตอบ หรือมีส่วนร่วมได้ ทำให้ประสบการณ์การรับชมเปลี่ยนไป

LLM ย่อมาจาก Large Language Model เป็นแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลข้อความจำนวนมหาศาล ทำให้มันมีความสามารถในการเข้าใจ สร้าง และประมวลผลภาษาได้หลากหลายรูปแบบ สำหรับการสร้างวิดีโอ LLM ทำหน้าที่เป็น "สมอง" ในการตีความคำสั่ง หรือ Prompt ที่เราป้อนเข้าไป แล้วแปลงเป็นภาพเคลื่อนไหวตามที่เราต้องการ โดยอาศัยเทคโนโลยี Generative AI ที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ๆ ขึ้นมาได้เอง พูดง่ายๆ คือ LLM เป็นตัวที่เข้าใจ "ภาษา" ของเรา แล้วสั่งให้ AI ตัวอื่นสร้าง "ภาพ" ที่ตรงตามนั้นนั่นแหละ ถ้าไม่มี LLM ก็เหมือนเราสั่งงาน AI ไม่รู้เรื่องนั่นแหละ

โอ้โห คำถามนี้บ่งบอกถึงความขี้เกียจสินะ! ถ้าจะตอบแบบตรงๆ ก็คือ "ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ขั้นสูง" ก็ใช้ได้นะ! เครื่องมือ AI สร้างวิดีโอส่วนใหญ่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน แค่คุณสามารถพิมพ์ข้อความ (Prompt) ได้ ก็สามารถเริ่มสร้างวิดีโอได้แล้ว อย่างไรก็ตาม การมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเล่าเรื่อง (Storytelling) หรือองค์ประกอบของการสร้างวิดีโอเบื้องต้น ก็จะช่วยให้คุณสามารถเขียน Prompt ที่ดีขึ้น และได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าคุณมีความรู้ด้านการตัดต่ออยู่แล้ว ก็เหมือนมีอาวุธครบมือเลยล่ะ สามารถนำผลงานจาก AI มาปรับแต่งต่อยอดให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นได้ แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่ต้องกังวลนะ แค่เริ่มจากสิ่งที่ง่ายๆ ดูก่อน

ถ้าถามว่า "เทียบเท่า" เลยไหม? ตอบตรงๆ ว่า "ยัง" จ้ะ! AI สร้างวิดีโอได้น่าทึ่งมากจริงๆ นะ สามารถสร้างภาพที่สวยงาม การเคลื่อนไหวที่ดูสมจริง หรือแม้กระทั่งสร้างสไตล์ที่แปลกใหม่ได้ แต่มันยังขาด "ความละเอียดอ่อน" "อารมณ์" และ "ความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริง" ของมนุษย์ไป ลองนึกภาพวิดีโอที่สื่อถึงอารมณ์เศร้าลึกซึ้ง หรือความสุขที่เปี่ยมล้น AI อาจจะสร้างภาพออกมาได้ แต่การจะถ่ายทอด "ความรู้สึก" เหล่านั้นออกมาได้อย่างลึกซึ้งกินใจ เหมือนที่ผู้กำกับ หรือนักแสดงมนุษย์ทำได้นั้น ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่มาก ปัจจุบัน AI เก่งในการสร้าง "ภาพ" และ "การเคลื่อนไหว" แต่การสร้าง "เรื่องราว" ที่มีมิติทางอารมณ์นั้น ยังต้องพึ่งพาฝีมือมนุษย์เป็นหลักนะ

เรื่องค่าใช้จ่ายนี่ก็แล้วแต่ตัวเครื่องมือและแพ็กเกจเลยนะคุณ! มีทั้งแบบฟรี แบบฟรีเมียม (ใช้ฟรีได้จำกัด) และแบบเสียเงินรายเดือน/รายปี ถ้าเป็นเครื่องมือที่ใหม่ๆ หรือมีฟีเจอร์เยอะๆ หน่อย ก็มักจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่ก็ต้องดูว่าคุณต้องการใช้งานมากน้อยแค่ไหน และต้องการฟีเจอร์อะไรบ้าง บางตัวอาจจะคิดค่าบริการตามจำนวนวิดีโอที่สร้าง หรือตามระยะเวลาของวิดีโอที่สร้างก็มีนะ ถ้าคุณเป็นมือใหม่ อยากลองเล่นดูก่อน ก็แนะนำให้เริ่มจากเครื่องมือที่มีแพ็กเกจฟรี หรือทดลองใช้ฟรีดูก่อน จะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ แล้วค่อยตัดสินใจลงทุนกับตัวที่ใช่จริงๆ จ่ายเงินแล้วได้แต่ของห่วยๆ มานี่เสียดายเงินแย่เลยว่าไหม?

นี่ก็เป็นคำถามที่ดีนะ! การที่วิดีโอถูกสร้างโดย AI นั้น โดยตรงแล้วอาจจะไม่ได้ส่งผลต่อ SEO โดยตรงในแง่ของ "แหล่งที่มา" แต่ "คุณภาพ" และ "ความเกี่ยวข้อง" ของเนื้อหาต่างหาก คือปัจจัยสำคัญที่ Google หรือ Search Engine อื่นๆ ใช้ในการจัดอันดับ ถ้าวิดีโอที่คุณสร้างด้วย AI มีเนื้อหาที่ดี มีคุณภาพ มีความน่าสนใจ ตรงกับสิ่งที่ผู้ค้นหากำลังมองหา และมีการใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในชื่อเรื่อง คำอธิบาย และแท็ก ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับที่ดีได้นะ ในทางกลับกัน ถ้าวิดีโอที่สร้างจาก AI ไม่มีคุณภาพ ซ้ำซากจำเจ หรือไม่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ต่อให้คุณจะใส่คีย์เวิร์ดไปเยอะแค่ไหน ก็ไม่มีทางติดอันดับดีๆ ได้หรอก ที่สำคัญคือ การที่ AI สามารถช่วยให้คุณสร้างวิดีโอได้หลากหลายและสม่ำเสมอมากขึ้น ก็ถือเป็นข้อดีที่อาจจะส่งผลทางอ้อมต่อ SEO ได้ เพราะคุณสามารถผลิตคอนเทนต์คุณภาพได้มากขึ้นนั่นเอง

Thumbsup: เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีชั้นนำของไทย ที่มักจะอัปเดตข่าวสารวงการ AI และเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว คุณจะได้เจอข่าวสาร LLM และ Generative AI ก่อนใครเพื่อนที่นี่เลย

Techsauce: อีกหนึ่งแพลตฟอร์มข่าวเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพที่น่าเชื่อถือ มีบทความวิเคราะห์เจาะลึกเกี่ยวกับ AI และการนำไปประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจหลากหลายรูปแบบ